28 มกราคม 2559

บ้านกกกอด part 3: ลงมือเก็บภาพสวยๆ

     หลังจากผ่านมาแล้ว 2 Part ทีนี้เราก็พร้อมถ่ายแล้ว สะพายกล้องออกลุยกันเลย มาดูโจทย์แรกกันก่อน
ทางเดินทอดยาวสุดลูกหูลูกตาผ่านดงกก
ภาพนี้ใช้เส้นขอบน้ำเป็นตัวแบ่งภาพ โดยมีองค์ประกอบคือ ท้องฟ้า ภูเขา ดงกก และทางเดินยาวสู่กลางภาพที่เป็นพื้นน้ำ และเมื่อเราถ่ายออกมาจะได้ตามนี้

ทั้งสองภาพต่างจากภาพที่ตั้งโจทย์ไว้นั้นก็เพราะ
1. ทั้งสองภาพภ่ายจากมือถือทั้งคู่ จึงไม่ได้ภาพมีคุณสมบัติของเลนส์ช่วยให้ได้ภาพกว้าง เหมือนโจทย์
2. ฤดูและสภาพอากาศ ภาพแรกถ่่ายช่วงเช้าที่มีหมอกลง จึงทำให้เห็นภูเข้าได้ไม่ชัด ภาพที่ 2 ถ่ายช่วงบ่ายแต่เนื่องด้วยเป็นช่วงฤดูหนาว ต้นไม้บนภูเขานั้นแห้ง จึงไม่เป็นสีเขียวเหมือนรูปโจทย์

มาดูข้อต่อไปดีกว่า
ทางเดิน ตะเกียง ป้ายข้อความ
ภาพนี้ที่ชอบเลยก็คือ ตะเกียง ซึ่งดูเป็นเอกลักษณ์ ป้ายไม้ที่มีข้อความว่า "ENJOY" เป็นการเสริมจุดเด่นให้ภาพ จากภาพแรกดูมีอะไรน่าสนใจเพิ่มขึ้น มาลองถ่ายเลยๆ


สิ่งนึงที่เห็นได้ชัดระหว่างความต่างระหว่างภาพโจทย์ กับภาพที่เราถ่ายได้ก็คือเรื่องของสี อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับ After Process ของแต่ละคนครับ ก็ขึ้นอยู่กับความชอบ ความสามารถ ไอเดีย แล้วแต่ว่าใครจะปล่อยของเด็ดอะไรเพิ่มเติมลงไปในภาพเพื่อสร้างความโดดเด่น และแตกต่างให้ภาพของตนเองครับ

     เอ๊ะๆ After Process (ภาษาอังกฤษบ้านๆ อาฟเตอร์ โปรเซจ) คืออะไรงั้นเหรอ?  After Process ก็คืองานปรับแต่งเพิ่มเติมด้วยคอมพิวเตอร์ เช่น ปรับสี (เร่งสีเร่งวุ้น เหมือนอาหารปลาดยี่ห่อหนึ่ง 555) ปรับองศาภาพ (ลดอาการบ้านเอียง 555) เป็นต้น ซึ่งบ้างคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า "จบหลังค่อม" เอ้ย!!! ไม่ใช่ "จบหลังคอม" ก็คืออันนี้นี่แหละครับ

มาดูข้อต่อไปดีกว่า
ทางเดินทอดยาวและป้ายชื่อ
มุมนี้เรียกได้มุมโปรโมทของบ้านกกกอดเลยก็ว่าได้ อย่าเสียเวลาให้หญ้ายาวเลยต่อเลยดีกว่า
แช๊ะ!!!

ก็อย่างที่บอกไปตอนเตรียมอุปกรณ์แหละครับ ว่าแนะนำให้เอาเลนส์มุมกว้างมาด้วย เมื่อเรางบน้อยก็ต้องทำใจครับ ด้วย 18-55mm Lens Kit เดิมๆที่มากับกล้อง ภาพที่ได้จึงเหลือแค่นี่ครับ เอาหนะถือว่าหยวนๆ มุมได้แล้วแต่เลนส์ไม่ถึง มุมนี้ ต้องถ่ายจากระเบียงชั้น 2 ของส่วนกลางนะครับ

มาต่อโจทย์ข้อ 5 6 7 ไปทีเดียวเลยดีกว่า
อีกมุมที่มีป้ายชื่อ


เวลาเปลี่ยนบางอย่างเปลี่ยนรูปแรก มุมเดียวกับโจทย์ แต่ต้นไม้ต่างกันไป ภาพที่สอง กระเถิบออกมาหน่อย เป็นมุมที่ไม่ค่อยมีใครถ่าย แต่หมีมองว่ามันสวยนะ

มุมท่าน้ำ ท้องฟ้า ภูเขา และน้ำ

รูปนี้พื้นที่เดียวกันกับโจทย์ แต่เปลี่ยนมุมหน่อย เพราะมีโคมไฟด้วยสวยดี

ตอนพระอาทิตย์ขึ้น


โจทย์นี้สำคัญนะครับ เห็นความต่างกันอย่างชัดเจน ฤดูที่ต่างกัน ทำให้มุมต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเราไปกันตอน มกราคม พระอาทิตย์เลยเปลี่ยนมาขึ้นมุมนี้ ซึ่งจากโจทย์นั้นเป็นช่วงกลางๆ ของภูเขา แต่เดือนที่เราไปมันอยุ่ทางปลายเขา เลยต้องเปลี่ยนมาถ่ายมุมนี้แทน

และแล้วก็มาถึงโจทย์ข้อสุดท้าย ถ่ายดวงดาว

แต่เป็นที่น่าเสียดายที่โจทย์ข้อนี้หมีน้อยพลาด อย่างที่ได้บอกไปใน Part แรกแล้วว่าให้หาความรู้เพื่อเตรียมพร้อมนั้น มันมาจะประสบการณ์ครั้งนี้จริงๆ ตอนจะไปคิดเอาเองว่าถ่ายดาวไม่นานจะมีอะไรยาก แต่เอาเข้าจริงๆ กดชัตเตอร์ไปปุ๊บ ไฟนำของกล้องก็ส่องออกไปในท้องฟ้าอันมืดสนิท มอเตอร์ขับเลนส์ก็ทำงาน หมุดอยู่ ฟื๊ดๆ ฟื๊ด ฟื๊ด แล้วก็นิ่งไป ไรซึ่งเสียงโฟกัส ทันใดนั่นเอง หมีก็เข้าใจได้ทันทีว่า "ตูพลาดแล้ว" ลืมไปว่าท้องฟ้ามืดตึบอย่างงี้จะโฟกัสไงฟระ ดาวก็ดวงจี๊ดเดียว มองผ่านช่องมองภาพแทบไม่เห็น ทำให้จะปรับโฟกัส manual เองก็ไม่รู้จะปรับเห็นไหมเลยต้องถอดใจ หันมานั่งถ่ายพระจันทร์หน้าบ้านพักแทน

ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยจริงไหมครับ

เหอ---- จาก Part นี้ก็คงได้้เห็นกันแล้วเนอะว่าการเตรียมความพร้อมก่อนไปเที่ยวไปถ่ายรูปสถานที่ต่างๆนั้นก็จำเป็นเหมือนกัน เพื่อให้ได้ภาพสวยๆ ที่เราต้องการ ที่สำคัญอีกอย่างเลยก็คือการฝึกซ้อม หาความรู้ เพื่อเรียนรู้และแก้ไขข้อผิดพลาด และที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือการเคารพในสิทธิและความเป็นส่่วนตัวของผู้อื่น เพราะเราอยู่ร่วมกันครับ

     สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนสนุกกับการถ่ายภาพนะครับ แล้วพบกันใหม่บทความหน้า ส่วนตอนนี้ ขอทิ้งท้ายด้วยรูปจากบ้านกกกอด ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ สวัสดีครับ ^^




26 มกราคม 2559

บ้านกกกอด part 2: อุปกรณ์ที่ใช้

     จาก part ที่แล้ว หมีน้อยได้พูดถึงอุปกรณ์ที่แนะนำให้ติดไม้ติดมือไป เอ๊ะ...แต่ว่า มันเอาไปใช้ทำอะไรตอนไหนหละ เรามาเริ่มดูกันที่อย่างเลยดีกว่า

1. ขาตั้งกล้อง หรือไม้เซลฟี่ ที่สามารถต่อขาตั้งเล็กๆได้

     สาเหตุที่ต้องให้เอาขาตั้งกล้องไปด้วยก็เพื่อที่จะได้สามารถถ่ายช่วงเวลาแสดงน้อย (ช่วงค่ำ และรุ่งเช้า) ได้นั้นเองครับ การที่เราจะถ่ายภาพวิว บรรยากาศ หรือสถานทีในสภาวะแสงน้อยนั้น จะมีค่าหลักๆ 3 ค่าที่เข้ามาเกี่ยวของ (กลับไปอ่านได้จากบทความ ISO, f-stop, Shutter Speed 3 ค่าแรกที่ควรต้องรู้) เพราะสำหรับการภาพในช่วงเวลาแสงน้อยนั้น ถ้าไม่ได้ใช้แฟลชแล้วหละก็ แน่นอนว่าภาพที่ออกมาต้องมีอาการสั่นไหว หรือไม่ก็มืดไปแน่นอน ขาตั้ง นั้นช่วยได้ เพราะในสะภาพแสงน้อยนั้น ต้องมีการปรับค่าต่างๆ ของกล้อง (พวก Compact หรือมือถือมันจะปรับเองอัตโนมัติ) ซึ่งสิ่งสำคัญเลยที่ทำให้ภาพออกมาสั่นไหวมากน้อยนั้นก็คือ speed shutter จากบทความแรกๆ ที่หมีน้อยเขียนนั้น บอกไว้แล้วครับว่า ถ้าอยากได้ภาพที่สว่างมากขึ้นนั้นต้องลด shutter speed ลง เมื่อชัตเตอร์ปิดช้าลงเราจะได้ปริมาณแสงที่มากขึ้น แต่ที่จะตามมาก็คือ ถ้ากล้องไม่นิ่งภาพก็สั่นไหว ซึ่งแม้แต่กล้องมือถือก็ไม่เว้นนะครับปัญหานี้ เพราะฉะนั้นหาไม้เซลฟี่+ขาตั้งไว้เถอะครับ
     แต่ข้อควรระวัง ไม่สิเรียกว่าคำแนะนำดีกว่า บ้านกกกอดนั้นทางเดินไม่ได้กว้างมากและมีแขกเข้าพักค่อนข้างเยอะ ดังนั้นจึงแนะนำให้กางขาตั้งแค่พอประมาณครับเหลือที่ให้แขกท่านอื่นเดินด้วย เป็นมารยาทของการอยู่ร่วมกันครับ

2. เลนส์มุมกว้าง
     อย่างที่บอกว่าวิวของบ้านกกกอดนั้นเป็นพื้นเปิดกว้างเพราะฉะนั้น เก็บภาพกว้างได้ก็จะดีกว่าใช่ไหมหละ เลนส์มุมกว้างนั้นมีหลากหลายช่วงเลนส์ให้เลือกใช้ครับ ใครจะใช้รุ่นไหนช่วงไหนตามกำลังทรัพย์เลยครับ ส่วนมือถือนั้นไม่จำเป็นครับเพราะจะมีโหมดการถ่ายภาพที่เรียกว่าพาโนรามาอยู่แล้ว(กล้อง DSLR ไม่ต้องน้อยใจนะเพราะ แม้ว่าจะไม่มีโหมดนี้ก็ทำได้เหมือนกัน แต่ว่าต้องใช้โปรแกรมช่วย) แต่อุปกรณ์ที่จะมาช่วยให้การถ่ายพาโนรามาให้ดียิ่งขึ้นคือ ขาตั้ง+ไม้เซลฟี่นั้นเอง ตั้งขาตั้งไว้เท่านี้ก็จะถ่ายพาโนรามาได้อย่างไหลลื่นต่อเนื่อง (การจะปรับยังไงให้หมดกล้องได้รอบ 360 องศานั้นขึ้นอยู่กับไม้ว่าปรับยังไงได้บ้างลองศึกษาไม่ของตัวเองดูน๊า)

3. รีโมทชัตเตอร์
     ต่อเนื่องจากขาตั้งกล้องนะ เมื่อใช้ขาตั้งแล้วแต่บางครั้งมือที่กดชัตเตอร์นี่แหละที่ทำกล่องสั่นซะเอง รีโมทหรือสายลั่นชัตเตอร์จึงเข้ามาช่วยในส่วนนี้ มือถือเองก็มีรีโมทชัตเตอร์นะ ส่วนมากจะเป็นการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth ซึ่งสามารถใช้ไดทั้ง Android และ iOS ซึ่งเราจะมาพูดถึงเจ้ารีโมทตัวนี้ในบทความต่อๆไปครับ

4. สารกันชื้น (Silica Gel) และ ผ้าไมโครไฟเบอร์
     เนื่องจากถ้าเป็นช่วงหน้าฝนหรือหน้าหนาวแล้ว คงจะหนีเรื่องของความชื้นไม่พ้น สำหรับคนที่ใส่แว่นตาคงเข้าใจใช่ไหมครับเวลาที่เราเจออากาศเย็นจัดแล้วแว่นคู่ใจเราจะเป็นฝ้า หรือเวลาที่เราเปิดแอร์แล้วกระจกเป็นฝ้าที่ด้านนอกแล้วมีหยดน้ำเกาะหรือไหลเป็นทาง สารกันชื่นจะช่วยในป้องกันความชื่นให้กล้องเราได้ระดับหนึ่งครับ ตอนที่เราเก็บมันไว้ในกระเป๋ากล้อง ก็ใส่สารกันชื้นไว้ เจ้ากล้องคุ่ใจเราเนี่ยมันไม่ชอบอยู่ 2 อย่างครับ 1.ความชื่น 2.ไฟฟ้าสถิตย์ ซึ่งสารกันชื้น(หรือสารดูดควมชื้น)นั้นคุณสามารถหาซื้อได้ทั่วไปครับ หรือจะซื้อที่ร้านกล้องทั่วไปก็ได้ครับ ซึ่งที่ร้านกล้องขายนั้นจะมีหน้าตาอย่างนี้
สารกันชื้น
ส่วนผ้าไมโครไฟเบอร์นั้น ก็เอาไว้เช็ดตอนไปเดินถ่ายรูปเล่นครับ เพราะสภาพอากาศหากมีหมกลงแน่นอนครับกล้องเรามีสิทธิเปียกได้ เพราะไอน้ำที่มาเกาะเลนส์ ตามคุณสมบัติของผ้าไมโครไฟเบอร์ที่เคยอ่านเจอมานะ ก็คือมันสามารถดักจับฝุ่นได้ดีกว่าผ้าธรรมดาครับ และเส้นใยของผ้ายังช่วยให้กำจัดพวกคราบไขมันรอยนิ้วมือ ต่างๆบนพื้นผิวได้ และที่สำคัญไม่ก่อให้เกิดไฟฟ้าสถิตย์ ซึ่งข้อนี้สำคัญมากกับพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคทั้งหลาย ผ้าไมโครไฟเบอร์นั้นสามารถหาซื้อได้ง่ายมากๆ แค่เดินเข้า B2S ร้านเครื่องเขียน ร้านขายอุปกรณ์สำนักงาน ร้านขายกล้อง มีหมด แต่มีบางคนซื้อมาแล้วรู้ซึ่งว่า มันผืนใหญ่ไปหรือป่าว ต้องการแค่ผืนเล็กๆไว้เช็ดหน้าจอไว้เช็ดเลนส์เอง ที่จริงแล้วมันมีไซด์เล็กอยู่นะครับ ตามรูปด้านล่าง
ผ้าไมโครไฟเบอร์ผืนเล็ก
ซึ่งขนาดนั้นเหมาะพกพาเป็นอย่างมาก เพราะมาพร้อมซองใส่เก็บง่ายพกพาสะดวก ส่วนคุณสมบัติเต็มของผ้าไมโครไฟเบอร์ตัวนี้ เราจะมาพูดถึงกันอีกทีในบทความต่อๆไปครับ

5. เสื้อกันหนาว 
     อันนี้ไม่บอกก็น่าจะรู้เนอะ เพราะมันหนาวจริงๆ ช่วงหนาวๆ เนี่ย  (((>.<)))

6. สายคล้อง 
     อันนี้เพื่อความปลอดภัยของอุปกรณ์ทั้งหลายครับ เพราะอย่างที่บอก บ้านกกกอด พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นน้ำรอบคอบไว้ดีกว่าครับ

     ทีนี้เมื่อเราเตรียมพร้อมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว Part หน้า เดี๋ยวเราจะไปทำตามโจทย์ หรือภาพที่เราอยากได้กันดูว่าจะออกมาเป็นยังไง โปรดติดตามครับ ^^


16 มกราคม 2559

บ้านกกกอด part 1: เตรียมพร้อม

     สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน ปีใหม่ที่ผ่านมาไปเที่ยวไหนกันมาบ้างรึป่าว หลายๆคนคงสะพายกล้องออกท่องเที่ยว เก็บภาพความสุขความประทับใจ ชาจไฟให้ชีวิตกันเต็มที่เลย หลายๆสถานที่ที่ไปกันก็คง จะต้องมี ภูเขา แมกไม้ สายน้ำ และแสงดาวกันบางหละนะ หมีน้อยเองก็เช่นกัน วางทริปรอไว้ตั้งพฤศจิกายนปีที่แล้วแหนะ ส่วนสถานที่หนะหรอก็คือ บ้านกกกอด จ.กาญจนบุรีนั่นเอง ถ้าใครเคยไปมาแล้ว ก็จะเห็นมุมสวยๆ หลายๆ มุม จนอยากต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายเลยหละ ส่วนใครยังไม่เคยไปอย่าพลาดเชียวหละ แต่ก่อนไปก็มานั่งดูรูปที่คนอื่นเขาถ่ายกันมาสวยๆ ทีนี้เราก็อยากจะมีรูปแบบนั้นมั่งจะทำไงดีหว่า...

     ก่อนอื่นเลยเราก็ต้องมาวางแผนกันครับ ซึ่งการหาข้อมูลสถานที่แล้ววางแผนไว้จะทำให้เราสามารถถ่ายภาพออกมาได้ดี ทีนี้มาดูที่จุดเด่นกัน บ้านกกกอดนั้น มีจุดเด่นคือ วิวมุมกว้างๆ และพื้นที่เปิดโล่ง ให้ชมดาว ดูพระอาทิตย์ขึ้นได้ เป็นพื้นที่ภูเขา และติดน้ำ เนื่องจากเป็นบริเวณเขื่อน ส่วนข้อที่ต้องระวังคือ พื้นที่ถ่ายรูปส่วนใหญ่อยู่บนน้ำ และความชื่นในช่วงเข้ามืด ดังนั้นอุปกรณ์ที่เราต้องตรียมไปด้วยนอกจากกล้องคู่ใจแล้วก็ได้แก่
  1. ขาตั้งกล้อง หรือไม้เซลฟี่ ที่สามารถต่อขาตั้งเล็กๆได้
     
    ขาตั้งกล้อง ไม้เซลฟี่ และขาตั้ง
  2. เลนส์มุมกว้าง หรือ Lens wide นั้นเอง (ยิ่งค่า f น้อยๆ ด้วยยิ่งแจ่ม)
    Lens Wide มีให้เลือกหลายระยะ เลือกตามกำลังทรัพย์
  3. รีโมท ชัทเตอร์ ของกล้อง/ของมือถือ 
    สายลั่นชัทเตอร์ของกล้อง รีโมทชัตเตอร์มือถือ
  4. ขาดไม่ได้เลย สารกันชื้น และผ้าไมโครไฟเบอร์สำหรับเช็ดกล้องและเลนส์
  5. ถ้าหากเป็นช่วงหน้าหนาวหรืออากาศเย็น พกเสื้อกันหนาวไปด้วยนะ
  6. สายคล้องคอ/ข้อมือ สำหรับกล้อง/มือถือ
  ข้อมูลเพิ่มเติม
  1. ต้องเข้าไปเช็ควันปิด และวันที่สามารถเข้าพักได้ที่ Facebook ก่อนที่จะวางแผน (จองล่วงหน้าได้ 2 เดือนเท่านั้น) กดที่ตรงนี้ได้เลย
      
  2. หากอยากเห็นน้ำเยอะๆ ให้ไปช่วงหน้าฝน หรือปลายฝนต้นหนาวครับ ช่วงหนาว หรือร้อน น้ำจะน้อยครับ
  3. เพิ่มความระมัดระวังในก่อนพกพาอุปกรณ์ต่างไปด้วย เนื่องจากบางพื้นที่อยู่บนน้ำ อาจทำให้กล้อง มือถือ หรืออื่นๆ หล่นน้ำได้
  4. ที่บ้านกกกอดเน้นความเป็นธรรมชาติ เงียบสงบและเป็นส่วนตัว เพราะฉะนั้นงดส่งเสียงดัง หยอกล้อกันเสียงดังขณะถ่าย
  5. ทางเดินในบริเวณบ้านกกกอด และพื้นที่ที่นิยมถ่ายรูป มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด โปรดเอื้อผู้อื่นด้วย และไม่กางขาตั้งกล้องจนกีดข้างผู้อื่น แบ่งบันให้ทุกคนได้รูปสวยๆเหมือกันนะครับ
  6. แฟลช ถ้าวันที่เข้าพักมีแขกพักเยอะ หมีไม่แนะนำให้ใช้นะครับ เพราะจะรบกวนแขกท่านอื่น ใจเขาใจเราครับ ไม่รบกวนกัน ให้ความเป็นส่วนตัวครับ
     เมื่อเตรียมของแล้วที่นี้เราลองหาความรู้เพิ่มเติมให้ตัวเองหน่อยเช่นเรื่อง Composition (การจัดองค์ประกอบของภาพ), เส้นนำสายตา, ชัดตื่น(หน้าชัดหลังเบลอ), ชัดลึก(หน้าเบลอหลังชัด), การถ่ายภาพดาว(อันนี้แนะนำให้ศึกษาและทดลองก่อนไปครับ สำหรับคนที่กะจะไปถ่ายดาวแต่ยังไม่เคย) เมื่อหาความรู้แล้วเราลองมาหาภาพที่เราอยากได้ไว้เป็นตัวอย่างกัน ลองหาจาก Google ดูครับ
ทางเดินทอดยาวสุดลูกหูลูกตาผ่านดงกก
ทางเดิน ตะเกียง ป้ายข้อความ
ทางเดินทอดยาวและป้ายชื่อ
อีกมุมที่มีป้ายชื่อ
มุมท่าน้ำ ท้องฟ้า ภูเขา และน้ำ
ตอนพระอาทิตย์ขึ้น
ดวงดาวยามราตรี
     จุดรูปถ่ายยอดนิยมของบ้านกกกอดคงหนีไม่พ้น ทางไม้ไผ่ที่ทอดยาวไปท่าน้ำ, วิวท่าน้ำ, พระอาทิตย์ขึ้น ส่วนดาวนี่ไม่ค่อยมีคนถ่าย คงเพราะต้องเตรียมพร้อมมาพอสมควร ตอนนี้หมีน้อยว่าเราก็น่าจะเตรียมตัวกันพร้อมแล้วหละ Part หน้า จะมาอธิบายถึงของแต่ละอย่างที่เตรียมไปครับ