วันนี้ไปเจออะไรน่าสนใจมา ก็เลยคิดว่า แวะเอามาแป๊ะไว้สัหหน่อยดีว่า เผื่อว่าใครสนใจถ่ายภาพอาหารสวยๆ 🍔 บางทีมันก็ต้องมีเทคนิคกันบ้าง แต่คงไม่ใช่กับของที่เรากำลังจะกินหรอก เพราะภาพสวยๆ ที่เขาเอาไว้โฆษณาบางทีไม่ก็ไม่ได้เหมือนที่เรากินหรอกจริงไหม 😀 แต่เขาทำยังไงมาดูกัน
หลายคนคงเคยใช่ไหมครับเวลาที่เราได้กล้องมาแล้วไม่รู้ควรจะเริ่มจากตรงไหนดี คนที่เล่นกล้องเล็ก(Compact) รวมถึงกล้องมือถือด้วย บางครั้งก็อยากถ่ายให้ได้ภาพสวย แต่พอมานั่งหาอ่านบทความก็มีแต่ของกล้องใหญ่(DSLR)ทั้งนั้นเลย และคนที่เพิ่งจะจับกล้องใหญ่(DSLR) บางครั้งอยากจะหาอ่านอะไรที่เป็นเบสิคๆ แต่ก็ไปเจอแต่บทความที่สูงกว่าเบสิค Novice Pixza จึงเป็นที่รวบรวมความรู้แบบบ้านๆ และเป็นที่เผยแพร่ความรู้ที่อยากให้ทุกคนสนุกสนานไปกับการถ่ายภาพครับ ขอให้สนุกกับการถ่ายภาพกันนะครับ
24 พฤศจิกายน 2561
31 กรกฎาคม 2559
ผ้าไมโครไฟเบอร์
สวัสดีครับ กลับมาพบกับกันอีกครั้งนะครับ หลังจากที่หายไปสักพัก เราก็กลับมาอัพเดทเรื่องราวกันต่อ จากบทความที่แล้ว ผมได้พูดไว้ถึงถึงอุปกรณ์ทำความสะอาดกล้องอยู่ชิ้นนึง นั้นก็คือ ผ้าไมโครไฟเบอร์ ซึ่งเราใช้งานกันบ่อยๆ โดยเฉพาะเดี๋ยวนี้ยิ่งหาซื้อง่ายมากๆ เรามาลองทำความรู้จักกับมันหน่อยดีกว่า แต่เอาแบบสรุปเข้าใจง่ายๆ ละกัน
ผ้าไมโครไฟเบอร์ เป็นผ้าใยสังเคราะห์ ที่มีเส้นใยเล็กมากๆ ประมาณ 3-5 ไมครอน หรือง่ายๆก็คือ เล็กกว่าเส้นผมของเราประมาณเป็นร้อยเท่า เส้นใยของผ้าใยไมโครไฟเบอร์จะมีคุณสมบัติในการดักจับฝุ่น การดูดซับ และเก็บคราบสกปรก คราบมันบนพื้นผิว เอาไว้ที่เส้นใยของผ้าและที่สำคัญคือไม่ทิ้งร่องรอยไว้บนพื้นผิว แต่ส่วนมากข้อมูลที่เราหาอ่านได้บนอินเตอร์เน็ตนั้น น่าจะเป็นข้อมูลของผ้าไมโครไฟเบอร์ที่เอาไว้ใช้เช็ดรถซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งที่จริงแล้วเราควรใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ เพราะผ้าไมโครไฟเบอร์สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้นจะไม่ก่อให้เกิดไฟฟ้าสถิตย์ (อันนี้จำได้จากที่เคยซื้อมาเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์สุดรักของเรา
ผ้าไมโครไฟเบอร์สามารถใช้งานได้ทั้งเปียก และแห้ง ลักษณะการเช็ด แนะนำให้เช็ดในแนวเส้นตรงอย่าหมุนวนเป็นวง เพื่อการกักเก็บฝุ่นและคราบต่างๆได้ดี และป้องกันฝุ่นที่กักเก็บไว้หลุดออกมาทำลายพื้นผิว ส่วนเรื่องการดูแลรักษา และทำความสะอาดหลังการใช้งานนั้นก็ง่ายมากเพียงแค่ซักด้วยน้ำเปล่า หรือจะน้ำอุ่นที่อุณหภูมิไม่เกิน 95 องศาเซลเซียสก็ได้ ส่วนผงซักฟองก็ไม่แนะนำให้ใช้เพราะจะทำให้เนื้อผ้าแข็งกระด้าง และห้ามใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ดขาด เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานต่ำลง
ส่วนในเรื่องของการหาซื้อนั้นบอกเลยว่าสมัยนี้หาซื้อง่ายมากๆ ถ้าเป็น 20 ปีที่แล้วต้องเข้าแต่ร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แต่สมัยนี้ ร้านเครื่องเขียนชั้นนำเลยครับ เข้าไปโซนเทปกาว เดี๋ยวก็เจอ มีทั้งผืนเล็กผืนใหญ่ ราคาเบาๆ เมื่อเทียบกับอายุการใช้งานที่ยาวนานมากๆ
ผ้าไมโครไฟเบอร์ เป็นผ้าใยสังเคราะห์ ที่มีเส้นใยเล็กมากๆ ประมาณ 3-5 ไมครอน หรือง่ายๆก็คือ เล็กกว่าเส้นผมของเราประมาณเป็นร้อยเท่า เส้นใยของผ้าใยไมโครไฟเบอร์จะมีคุณสมบัติในการดักจับฝุ่น การดูดซับ และเก็บคราบสกปรก คราบมันบนพื้นผิว เอาไว้ที่เส้นใยของผ้าและที่สำคัญคือไม่ทิ้งร่องรอยไว้บนพื้นผิว แต่ส่วนมากข้อมูลที่เราหาอ่านได้บนอินเตอร์เน็ตนั้น น่าจะเป็นข้อมูลของผ้าไมโครไฟเบอร์ที่เอาไว้ใช้เช็ดรถซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งที่จริงแล้วเราควรใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ เพราะผ้าไมโครไฟเบอร์สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้นจะไม่ก่อให้เกิดไฟฟ้าสถิตย์ (อันนี้จำได้จากที่เคยซื้อมาเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์สุดรักของเรา
![]() |
ลักษณะของเส้นใยไมโครไฟเบอร์ |
![]() |
เส้นใยไมโครไฟเบอร์ |
ผ้าไมโครไฟเบอร์สามารถใช้งานได้ทั้งเปียก และแห้ง ลักษณะการเช็ด แนะนำให้เช็ดในแนวเส้นตรงอย่าหมุนวนเป็นวง เพื่อการกักเก็บฝุ่นและคราบต่างๆได้ดี และป้องกันฝุ่นที่กักเก็บไว้หลุดออกมาทำลายพื้นผิว ส่วนเรื่องการดูแลรักษา และทำความสะอาดหลังการใช้งานนั้นก็ง่ายมากเพียงแค่ซักด้วยน้ำเปล่า หรือจะน้ำอุ่นที่อุณหภูมิไม่เกิน 95 องศาเซลเซียสก็ได้ ส่วนผงซักฟองก็ไม่แนะนำให้ใช้เพราะจะทำให้เนื้อผ้าแข็งกระด้าง และห้ามใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ดขาด เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานต่ำลง
ส่วนในเรื่องของการหาซื้อนั้นบอกเลยว่าสมัยนี้หาซื้อง่ายมากๆ ถ้าเป็น 20 ปีที่แล้วต้องเข้าแต่ร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แต่สมัยนี้ ร้านเครื่องเขียนชั้นนำเลยครับ เข้าไปโซนเทปกาว เดี๋ยวก็เจอ มีทั้งผืนเล็กผืนใหญ่ ราคาเบาๆ เมื่อเทียบกับอายุการใช้งานที่ยาวนานมากๆ
28 มกราคม 2559
บ้านกกกอด part 3: ลงมือเก็บภาพสวยๆ
หลังจากผ่านมาแล้ว 2 Part ทีนี้เราก็พร้อมถ่ายแล้ว สะพายกล้องออกลุยกันเลย มาดูโจทย์แรกกันก่อน
![]() |
ทางเดินทอดยาวสุดลูกหูลูกตาผ่านดงกก |
ภาพนี้ใช้เส้นขอบน้ำเป็นตัวแบ่งภาพ โดยมีองค์ประกอบคือ ท้องฟ้า ภูเขา ดงกก และทางเดินยาวสู่กลางภาพที่เป็นพื้นน้ำ และเมื่อเราถ่ายออกมาจะได้ตามนี้
ทั้งสองภาพต่างจากภาพที่ตั้งโจทย์ไว้นั้นก็เพราะ
1. ทั้งสองภาพภ่ายจากมือถือทั้งคู่ จึงไม่ได้ภาพมีคุณสมบัติของเลนส์ช่วยให้ได้ภาพกว้าง เหมือนโจทย์
2. ฤดูและสภาพอากาศ ภาพแรกถ่่ายช่วงเช้าที่มีหมอกลง จึงทำให้เห็นภูเข้าได้ไม่ชัด ภาพที่ 2 ถ่ายช่วงบ่ายแต่เนื่องด้วยเป็นช่วงฤดูหนาว ต้นไม้บนภูเขานั้นแห้ง จึงไม่เป็นสีเขียวเหมือนรูปโจทย์
มาดูข้อต่อไปดีกว่า
![]() |
ทางเดิน ตะเกียง ป้ายข้อความ |
ภาพนี้ที่ชอบเลยก็คือ ตะเกียง ซึ่งดูเป็นเอกลักษณ์ ป้ายไม้ที่มีข้อความว่า "ENJOY" เป็นการเสริมจุดเด่นให้ภาพ จากภาพแรกดูมีอะไรน่าสนใจเพิ่มขึ้น มาลองถ่ายเลยๆ
สิ่งนึงที่เห็นได้ชัดระหว่างความต่างระหว่างภาพโจทย์ กับภาพที่เราถ่ายได้ก็คือเรื่องของสี อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับ After Process ของแต่ละคนครับ ก็ขึ้นอยู่กับความชอบ ความสามารถ ไอเดีย แล้วแต่ว่าใครจะปล่อยของเด็ดอะไรเพิ่มเติมลงไปในภาพเพื่อสร้างความโดดเด่น และแตกต่างให้ภาพของตนเองครับ
เอ๊ะๆ After Process (ภาษาอังกฤษบ้านๆ อาฟเตอร์ โปรเซจ) คืออะไรงั้นเหรอ? After Process ก็คืองานปรับแต่งเพิ่มเติมด้วยคอมพิวเตอร์ เช่น ปรับสี (เร่งสีเร่งวุ้น เหมือนอาหารปลาดยี่ห่อหนึ่ง 555) ปรับองศาภาพ (ลดอาการบ้านเอียง 555) เป็นต้น ซึ่งบ้างคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า "จบหลังค่อม" เอ้ย!!! ไม่ใช่ "จบหลังคอม" ก็คืออันนี้นี่แหละครับ
มาดูข้อต่อไปดีกว่า
![]() |
ทางเดินทอดยาวและป้ายชื่อ |
แช๊ะ!!!
ก็อย่างที่บอกไปตอนเตรียมอุปกรณ์แหละครับ ว่าแนะนำให้เอาเลนส์มุมกว้างมาด้วย เมื่อเรางบน้อยก็ต้องทำใจครับ ด้วย 18-55mm Lens Kit เดิมๆที่มากับกล้อง ภาพที่ได้จึงเหลือแค่นี่ครับ เอาหนะถือว่าหยวนๆ มุมได้แล้วแต่เลนส์ไม่ถึง มุมนี้ ต้องถ่ายจากระเบียงชั้น 2 ของส่วนกลางนะครับ
มาต่อโจทย์ข้อ 5 6 7 ไปทีเดียวเลยดีกว่า
![]() |
อีกมุมที่มีป้ายชื่อ |
เวลาเปลี่ยนบางอย่างเปลี่ยนรูปแรก มุมเดียวกับโจทย์ แต่ต้นไม้ต่างกันไป ภาพที่สอง กระเถิบออกมาหน่อย เป็นมุมที่ไม่ค่อยมีใครถ่าย แต่หมีมองว่ามันสวยนะ
![]() |
มุมท่าน้ำ ท้องฟ้า ภูเขา และน้ำ |
รูปนี้พื้นที่เดียวกันกับโจทย์ แต่เปลี่ยนมุมหน่อย เพราะมีโคมไฟด้วยสวยดี
![]() |
ตอนพระอาทิตย์ขึ้น |
โจทย์นี้สำคัญนะครับ เห็นความต่างกันอย่างชัดเจน ฤดูที่ต่างกัน ทำให้มุมต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเราไปกันตอน มกราคม พระอาทิตย์เลยเปลี่ยนมาขึ้นมุมนี้ ซึ่งจากโจทย์นั้นเป็นช่วงกลางๆ ของภูเขา แต่เดือนที่เราไปมันอยุ่ทางปลายเขา เลยต้องเปลี่ยนมาถ่ายมุมนี้แทน
และแล้วก็มาถึงโจทย์ข้อสุดท้าย ถ่ายดวงดาว
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่โจทย์ข้อนี้หมีน้อยพลาด อย่างที่ได้บอกไปใน Part แรกแล้วว่าให้หาความรู้เพื่อเตรียมพร้อมนั้น มันมาจะประสบการณ์ครั้งนี้จริงๆ ตอนจะไปคิดเอาเองว่าถ่ายดาวไม่นานจะมีอะไรยาก แต่เอาเข้าจริงๆ กดชัตเตอร์ไปปุ๊บ ไฟนำของกล้องก็ส่องออกไปในท้องฟ้าอันมืดสนิท มอเตอร์ขับเลนส์ก็ทำงาน หมุดอยู่ ฟื๊ดๆ ฟื๊ด ฟื๊ด แล้วก็นิ่งไป ไรซึ่งเสียงโฟกัส ทันใดนั่นเอง หมีก็เข้าใจได้ทันทีว่า "ตูพลาดแล้ว" ลืมไปว่าท้องฟ้ามืดตึบอย่างงี้จะโฟกัสไงฟระ ดาวก็ดวงจี๊ดเดียว มองผ่านช่องมองภาพแทบไม่เห็น ทำให้จะปรับโฟกัส manual เองก็ไม่รู้จะปรับเห็นไหมเลยต้องถอดใจ หันมานั่งถ่ายพระจันทร์หน้าบ้านพักแทน
ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยจริงไหมครับ
เหอ---- จาก Part นี้ก็คงได้้เห็นกันแล้วเนอะว่าการเตรียมความพร้อมก่อนไปเที่ยวไปถ่ายรูปสถานที่ต่างๆนั้นก็จำเป็นเหมือนกัน เพื่อให้ได้ภาพสวยๆ ที่เราต้องการ ที่สำคัญอีกอย่างเลยก็คือการฝึกซ้อม หาความรู้ เพื่อเรียนรู้และแก้ไขข้อผิดพลาด และที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือการเคารพในสิทธิและความเป็นส่่วนตัวของผู้อื่น เพราะเราอยู่ร่วมกันครับ
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนสนุกกับการถ่ายภาพนะครับ แล้วพบกันใหม่บทความหน้า ส่วนตอนนี้ ขอทิ้งท้ายด้วยรูปจากบ้านกกกอด ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ สวัสดีครับ ^^
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ป้ายกำกับ:
จ.กาญจนบุรี,
ดาว,
ท่องเที่ยว,
น้ำ,
บ้านกกกอด,
ภ่ายภาพ,
ภูเขา,
วิว,
แสงน้อย,
Landscape
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)